เกี่ยวกับเรา

ประวัติ

ผ้าไหมบ้านครัว เป็นกิจการการทอผ้าไหมภายในครอบครัวชุมชนบ้านครัวเริ่มตั้งแต่รุ่นคุณยายของคุณนิพนธ์ มนูทัศน์ (เจ้าของกิจการในปัจจุบัน) สืบเชื้อสายแขกจามทอผ้าไหมโสร่ง ผ้าขาวม้า ตกทอดมายังคุณแม่สุรีย์ มนูทัศน์ ซึ่งท่านเป็นหนึ่งช่างทอไหมที่มีความชำนาญและได้เคยเข้าไปถวายการรับใช้ สมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า ในกองทอ วังสระปทุม

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณ ปี 2489 จิม ทอมป์สัน นักธุรกิจผ้าไหมชาวอเมริกันได้สืบเสาะค้นพบว่า ชุมชนบ้านครัว เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมฝีมือดี จึงได้ตั้งบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย ขึ้น เมื่อปี 2494 โดยให้ชุมชนบ้านครัว โดยมีตระกูล มนูทัศน์ หนึ่งในแปดตระกูลช่างทอ เป็นผู้ผลิตผ้าไหมป้อนให้ โดยมีชื่อกิจการว่า “บ้านครัวการค้า”

การทอผ้าไหมของชุมชนบ้านครัวในยุคแรกจะทอเป็น ผ้าขาวม้า ผ้าโสร่ง ต่อมาเมื่อจิม ทอมป์สัน ได้เข้ามาประกอบธุรกิจผ้าไหมส่งออกไปต่างประเทศ ได้ช่วยพัฒนาปรับปรุงออกแบบ ลวดลายสีสันให้ทำผ้าพื้น ผ้าตา ผ้าลายเส้น ใช้เป็นผ้าตัดเสื้อผ้า และผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ จึงทำให้สามารถขายในตลาดได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของผ้าไหมคือ เนื้อผ้ามีคุณภาพสูง เส้นไหมเนื้อแน่นละเอียด สีสันสดใส ใช้งานคงทน จึงทำให้เป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศ จนได้รับการคัดเลือกเป็นเครื่องแต่งกายของนักแสดงในภาพยนต์ใหญ่ “เบนเฮอร์” รวมถึงบุคคลมีชื่อเสียง โรเบร์ต เคเนดี้ จึงทำให้อาชีพทอผ้าไหมในสมัยนั้นเจริญรุ่งเรืองมาก

ภายหลังการหายตัวไปของจิม ทอมป์สัน ทางบริษัท อุตสาหกรรมไทย ได้ตั้งโรงงานขึ้นเอง ทางคุณนิพนธ์ ทายาทรุ่นที่ 2 นำผ้าไหมที่เหลือไปขายด้วยตนเอง ด้วยคุณภาพดีจึงเป็นที่ยอมรับของโรงแรมชั้นนำต่างๆ

ต่อมา ได้จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งเป็นบริษัท “ผ้าไหมบ้านครัว” เมื่อปี 2548 ดำเนินกิจการจนถึงปัจจุบัน นับเป็นตระกูลช่างทอผ้าไหมสุดท้ายในชุมชนบ้านครัวนี้ โดยคุณนิพนธ์ได้ออกแบบ ลวดลาย คิดค้นลายผ้าด้วยตนเอง อนุรักษ์ลายผ้าเก่า เช่น ลายเกล็ดเต่า ซึ่งเป็นลายดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่กำปงจาม กัมพูชา อีกทั้งได้ทำงานร่วมกับกรมหม่อนไหม คิดค้นนวัตกรรมผ้าไหมใหม่ขึ้น ซึ่งได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ว่า “ผ้าไหมสิรินธร” ซึ่งเป็นผ้าไหมที่บางเหมือนแก้ว สวยงามมาก มีคุณสมบัติป้องกันมะเร็งผิวหนัง

นอกจากนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาได้ทรงเคยเสด็จมาเยี่ยมโรงงาน เมื่อปี 2553 ทางคุณนิพนธ์ได้ตั้งเป้าหมายอยากให้ ผ้าไหมสิรินธร ตัดเป็นผ้าชุดประจำชาติ ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ใส่ในวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อให้ความนิยมผ้าไหมเฟื่องฟูกลับมา มีตลาดที่แน่นอนส่งผลให้เกษตรกรกลับมาทอผ้า ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบันการทอผ้าไหมบ้านครัวยังคงรักษาคุณภาพ ความงดงาม และเอกลักษณ์จากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ และพัฒนาผ้าไหมให้มีลวดลาย สีสัน แตกต่างจาก ผ้าไหมที่อื่น อาทิเช่น ผ้าลายสายฝน ผ้าลายสายรุ้ง ผ้าลายฟูก ผ้าลายหางกระรอก และผ้าลายเกล็ดเต่า ซึ่งล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผ้าไหมบ้านครัวเป็นที่สนใจของผู้คนที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมโรงงาน โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *